ช่างน่าอนาถ
นายเข่งเป็นคนต่างหมู่บ้านมารักกับสาวงามดังนางฟ้า อยู่กินกันมาจนได้ลูกสาวสาวเพียงคนเดียว ทั้งคู่ไม่เคยมีปัญหากัน แค่แล้ววันหนึ่งที่นายเข่งเมามาก เขาได้กระทำ..กับเด็กหญิงรุ่นคราวลูก
ผู้เข้าชมรวม
37
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ช่างน่าอนาถ
ทุกครั้งที่ผมไปตลาดบ้านห้วยยางนาเพื่อมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว มักพบเห็นชายร่างผอมชื่อนายเข่ง ไว้ผมสั้นทรงทหารเกณฑ์ผิวดำแดง ตาตี่ๆมาช่วยขายกล้วย-มันทอด ข้าวเม่าทอด ภริยาคนงามของเขาชื่อพี่เดือน หากจะมองคู่รักคู่นี้ เปรียบเทียบได้ว่าฝ่ายชายเสมือนหมาวัด ส่วนฝ่ายหญิงเสมือนนางฟ้าเป็นเพราะพี่เดือนเป็นคนขาว สวย หุ่นตั้งแต่ผมมาที่ตลาดแห่งนี้ก็เห็นสองสามีภริยาช่วยกันทำมาหากิน เวลานั้นแหล่งจะหาซื้อของกินประเภทกับข้าว ขนมจีนน้ำเงี้ยว ก๋วยเตี๋ยว ขนมหวาน มีเพียงตลาดบ้านห้วยยางนาที่จะอยู่ใกล้กับที่พักของอาจารย์และนักศึกษา พูดก็พูดเถอะ หลายๆครั้ง ผมยังนึกอิจฉาพี่เข่งที่ได้เมียสวยมาก
แรกๆแม่ค้า-พ่อค้าในตลาดแห่งนี้มีเพียง 6-7 รายเท่านั้นคือร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านป้าติ๊บขายขนมจีนน้ำเงี้ยว พี่เดือน ขายกล้วยทอด พี่หล้าขายผักชนิดต่างๆลุงแก้วขายเนื้อสุกรและพี่ศรีวรรณขายเนื้อควาย ต่อมา….มีร้านพี่นอมนำอาหารประเภทอาหารทะเลอย่างเช่นหอย ปู ปลา มาขายซึ่งค่อนข้างจะเป็นที่ถูกใจของชาวบ้านกับนักศึกษา ร้านค้าทุกร้านมีความสุขมากเพราะรายได้ส่วนใหญ่ก็มาจากที่นักศึกษาที่มาจับจ่ายซื้อเอาไปกินที่หอพัก แม่ค้าในตลาดแห่งนี้ ผมคุ้นเคยดีทุกคน
แน่นอนว่า..วิถีชีวิตคนชนบท ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไป พ่อค้าแม่ขายพอตกเย็นมา ก็มักจะร่ำสุรากันเพื่อดับทุกข์ สุราเถื่อนที่บ้านผู้ใหญ่บ้านขายจะได้รับการอุดหนุนจากคนเหล่านี้ พวกเธอจะค้าขายไป คุยกันไป บางครั้งเหมือนไม่แยแสกับลูกค้า ผมได้นั่งมองโดยความหดหู่
“ตกเย็นมา ก็ก๊งสุราฮาเฮ ไม่ทุกข์ ไม่ร้อนใดๆเลยนะ พวกเธอ ”ผมคิดในใจ
“หวัดดีค่ะ พ่อ หวัดดีค่ะ แม่ ”เด็กหญิง เข้าไปทักทายพ่อกับแม่ที่กำลังทอดกล้วยทอด
เวลาห้าโมงเย็นกว่าๆ ในวันจันทร์ -ศุกร์ โชเฟอร์รถรับส่งนักเรียนต่างทยอยมาส่งเด็กที่หน้าตลาด พร้อมจูงมาส่งให้ผู้ปกครอง
“หวัดดีจ่ะ ลูก ” พี่เดือนพูด
ใบหน้าของพี่เดือน แดงระเรื่อมีเหงื่อผุดออกที่ใบหน้า เพราะความร้อนจากไอน้ำมันทั้งเมื่อเธอได้กินสุราเข้าไปอีก เหงื่อยิ่งขับออกมามากเป็นเท่าตัว เธอได้เตรียมขนมไว้รอให้ลูกกินเพื่อประทังความหิว
“หยิบขนมในตะกร้าใส่เงิน เลยลูก” พี่เดือน บอกลูกสาววัย 8 ขวบ
จุ๊บแจง เป็นลูกสาวคนเดียวของพี่เข่งกับพี่เดือน เด็กหญิงนี้ค่อนข้างเจ้าเนื้อท้วมและอวบ ใบหน้าพิมพ์เดียวกับแม่ไม่ผิด เพี้ยน ผิวขาววัยขณะนี้กำลังกินกำลังนอน บ้านของพี่เดือนอยู่ติดกับถนนใหญ่ทางด้านทิศเหนือฝั่งตรงข้ามกับตลาด พูดถึงอัธยาศัยของพี่เดือนจะดูดีกว่าแม่ค้าคนอื่นๆ รสชาติของกล้วยทอด มันทอดและข้าวเม่าทอด ที่เธอทำขายไม่มีที่ติเลย แป้งกรอบนอกนุ่มใน ที่ผมชอบมากคือจะมีเนื้อมะพร้าวเป็นชิ้นๆที่ติดกับแป้งมาด้วย เวลาเคี้ยวมันชวนให้อยากกินต่อไปอีกอย่างไม่รู้เบื่อ รายได้ของเธอต่อวัน คงน่าจะได้กำไรวันละสองร้อยถึงสองร้อยห้าสิบบาท พี่เข่ง เป็นคนค่อนข้างเจียมตัวเพราะรู้ตัวเองดีว่าที่ฝ่ายสาวยอมแต่งงาน เพราะด้วยความสงสารที่พี่เข่งตามตื้อ และการที่พี่เข่งพยายามเอาใจพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็มีผลต่อความเห็นใจ จากที่ผมสังเกตพี่เข่ง นอกจากจะเป็นคนขยันยังเอาอกเอาใจเมียเก่ง ทุกๆเย็นที่ฝ่ายภริยากินเหล้ากับกลุ่มแม่ค้าด้วยกัน เขาก็จะทำหน้าที่เป็นคนคอยขายสินค้าให้ เมื่อใกล้ค่ำหลังจากเลิกขายแล้ว เขายังช่วยจัดเก็บอุปกรณ์การทอดตักน้ำมันที่เย็นตัวลงเก็บใส่หม้ออวย ดับฟืนดับไฟ แล้วกลับเข้าไปบ้าน เพื่อไปเตรียมทำกับข้าวกินกันในมื้อค่ำ ไม่มีใครนึกตำหนิพี่เข่งเลยสักคนเดียว เขาไม่รู้สึกอายที่ใครๆมักพูดว่าพี่เข่งเป็นคนกลัวเมีย
“ผมไม่สนใครหรอก ที่เขาว่าผมกลัวเมีย” พี่เข่งพูดกับเพื่อนๆในวงเหล้ากับเพื่อนๆ
ช่วงหลังพี่เข่ง ไปรับงานเลื่อยไม้ให้เพื่อนๆที่ทำไม้บนดอย หลังเลิกงาน.. บางครั้งเขาก็นำพวกกิ่งไม้ ตอไม้ มาผ่าและขนกลับมาให้แม่บ้านใช้เป็นเชื้อเพลิงทอดขนมขายที่ตลาด นี่เท่ากับได้ประหยัดเงินซื้อฟืนที่มีราคามัดละ10 บาท (ในราคาเวลานั้น) น้อยครั้งนักผมจะได้คุยกับพี่เข่ง เป็นเพราะเขาเป็นคนปากหนักหมายถึงเขาไม่กล้าทักทายคนที่ไม่คุ้นเคยเว้นแต่เวลาที่ผมซื้อของกินที่ร้านของเขา
“เอาอะไรครับ อาจารย์ ”
“ข้าวเม่าทอดหนึ่งแพขอกากข้าวเม่าในถาดด้วย ผมชอบกินน่ะ มันกรอบ” ผมพูด
“วันนี้ หนูทำขนม ไข่นกกระทาด้วยอาจารย์ลองชิม มั้ยคะ” พี่เดือนพูด
“งั้นเอา ห้าบาท ครับ”
พวกขนมประเภทกล้วยทอด มันทอด ข้าวเม่าทอด ผมชอบกินมาตั้งแต่เด็ก ในตลาดที่เทศบาลตำบลอรัญมีเจ้า ของป้าเทียบทำได้อร่อยเป็นที่หนึ่ง สำหรับร้านพี่เดือนฝีมือก็ไม่เป็นรอง เว้นแต่ข้าวเม่าทอดของป้าเทียบทำได้อร่อยกว่า เพราะกล้วยไข่ที่ใช้สุกงอมกำลังดี
“ขายหมดทุกวัน มั้ยครับพี่เดือน ” ผมถาม
“เกือบทุกวันค่ะ เหลือนิดๆหน่อยๆก็ไว้กินเอง หรือแจกเพื่อนบ้าน ” พี่เดือนพูด
ครู่ต่อมา.. เมื่อพี่เข่งจัดแจงคีบขนมไข่นกกระทาและข้าวเม่าทอดบรรจุใส่ถุงเสร็จ เขาก็ยื่นขนมให้ ผมก็จ่ายเงินให้ไป แล้วเดินไปหาของกินอย่างอื่นๆ
*******************************
จากที่ตลาดบ้านห้วยยางนาเป็นตลาดเล็กๆผมได้ให้คำแนะนำกับเจ้าของตลาดให้ปรับปรุงและขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น เพราะมองว่า หลังจากที่กรมทางหลวงได้ขยายถนนจากสองเลนเป็นสี่เลน จะทำให้การขนส่งสะดวกรถลาที่วิ่งผ่านตลาดมีพื้นที่จอดรถได้มากขึ้นจะได้แวะซื้อสินค้า
“ลุงเล็กควรที่จะต้องทำที่วางสินค้า ให้คนที่จะมาเช่าแผงด้วย เรื่องความสวยงาม ความเป็นระเบียบเป็นเรื่องที่สำคัญ ”
“คงต้องลงทุนหลายตังค์ ” ลุงเล็กพูด
“แต่ก็ถอนทุนคืนได้นะลุง ไหนๆลุงจะทำตลาดทั้งที ผมอยากให้ทำให้มันดี หลังคาที่เคยมุงจาก ขอให้มามุงสังกะสีแทนควรยกเสาให้สูงขึ้นจะได้ไม่ร้อน ในแต่ละจุดควรเพิ่มหลอดไฟฟ้าให้สว่างเผื่อบางทีแม่ค้าบางเจ้าเขาอาจจะยืดเวลาขายออกไป ”ผมพูดแนะนำ
“ครับ อาจารย์ ยังไง ผมจะทำตามที่อาจารย์แนะนำให้ครับ”ลุงเล็กพูด
“ลุงเล็ก ก็มีฝีมือทางงานช่างไม้อยู่แล้ว ยังไงขอแรงผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและจ้างคนงานมาอีกสักคน ก็ไม่กี่ตังค์หรอก " ผมพูด
ลุงเล็กได้ไหว้วานผู้ใหญ่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและได้จ้างคนในหมู่บ้านมาช่วยงานอีกหนึ่งคน งานปรับปรุงการสร้างตลาดก็ได้เริ่มขึ้น หลังจากที่ผมได้แนะนำเขาไปหนึ่งสัปดาห์ ไม้เก่าๆที่ลุงเล็กมีอยู่แล้วก็ถูกมาจัดการทำความสะอาด สังกะสีบางส่วนที่มีสภาพการใช้งานได้ก็เตรียมนำมาใช้มุงหลังคา หากช่วงมุงสังกะสียังขาด ก็จะไปซื้อสังกะสีมาเพิ่มเติม หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ตลาดบ้านห้วยยางของลุงเล็กยุคปรับปรุงใหม่ ก็พร้อมให้บริการได้ มีพ่อค้าแม่ค้ามาจับจองแผงขายสินค้าจนเต็มทุกแผง เล่นเอาเจ้าของของตลาดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะเขาจะได้เก็บค่าแผงสองรอบคือรอบเช้ากับรอบเย็น เวลานั้นสถาบันได้เพิ่มจำนวนการรับนักศึกษามากขึ้นเป็นทวีคูณจากเดิมมีนักศึกษา 1200 คนก็เพิ่มเป็น2500 คน นับเป็นสถิติที่สูงสุดนับแต่เปิดสถาบันมา
ยามสายของวันเสาร์ ที่ผมมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวพร้อมสั่งเครื่องดื่มมากิน
“ยิ้มแฉ่งเลยนะ ลุงเล็ก ”ผมหยอกเอินกับเจ้าของตลาด ขณะที่เขากำลังทำความสะอาดตลาด
“มาตลาดแต่เช้าเลย นะครับอาจารย์” ลุงเล็กตอบ
“วันหยุด ไม่รู้จะทำอะไรเลยมานั่งเก็บตก อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ และนั่งรออ่านฉบับใหม่ที่นายชัยคนขับรถส่งวัตถุดิบมาส่ง”
“แผงขายของเต็มเลยเหรอ ลุง” ผมพูด
“ครับ ”
***************************
จากที่ผมเป็นเจ้าความคิดตั้งแต่ให้ลุงเล็กเปิดตลาดสดจนเสนอให้ปรับปรุงขยายให้ใหญ่ขึ้นเมื่อมีจำนวนผู้ค้าขายมาก ขึ้น ลูกค้าจึงมากตามไปด้วย สินค้าประเภทเสื้อผ้ารองเท้าของใช้ประเภทงานครัวอย่างมีด หม้อ ชามไห ฝาชี และประเภท ของใช้แบบพลาสติกในราคาถูกก็เริ่มมีรถเร่มาติดต่อวางขาย ตลาดยิ่งคึกคักมากขึ้น บางวันพ่อค้าเร่ได้สร้างบรรยากาศเปิดเพลง พร้อมพูดเชิญชวนชาวบ้านให้เข้าไปเลือกดูสินค้า ผมมองเห็นบรรยากาศอย่างนี้จึงอดภูมิใจและรู้สึกยินดีกับเจ้าของตลาดที่กล้าลงทุนทำ
บรรยากาศในตลาดแห่งนี้คึกคักทุกวันทุกๆเช้าตั้งแต่ตีห้าครึ่งจะมีป้ากล่อมภริยาของนายช่างหมวดการทางจะนำขนม หวานอย่างเช่นถั่วแปบ ขนมเหนียว ขนมชั้น ตะโก้ ข้าวต้มมัด ขนมเปียกปูน สาคูไส้หมู มาขาย ส่วนพี่นงทำกับข้าวหลากหลายชนิด จากที่บ้านมาขาย ลุงแก้ว พ่อค้าขายสุกรชำแหละ ต้องปั่นจักรยานจากต่างหมู่บ้านมาเปิดเขียงขายที่นี่ พี่หล้ากับพี่ด้วงเข็นรถสองล้อใส่ผักสดออกจากบ้านที่ไม่ไกลตลาดมาขาย การค้าขายของทุกคนเป็นไปในทิศทางที่ดี หน้าชื่นตาบาน หัวโจกในตลาด คือพี่ศรีวรรณ แม่ค้าขายเนื้อควาย เธอเป็นแม่ค้าจากต่างบ้านที่มาบุกเบิกการขายที่ตลาดแห่งนี้ เป็นคนแรกๆ ปากเธอจัดที่สุด สามสาวที่ผมมองว่าสวยที่สุดในตลาด มีแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว พี่ศรีวรรณและพี่เดือน แต่ละคนมีความสวยไปคนละแบบ หากให้มเลือกเพียงคนเดียว ก็คงเลือกยากทำนองรักพี่เสียดายน้อง
********************
ครอบครัวของพี่เข่งกับพี่เดือนอยู่ด้วยกันมา จนลูกสาวคนเดียวสู่วันรุ่นคือ 14 ปี ช่วงหนึ่งที่พี่เดือนกับเพื่อนๆในหมู่บ้านจะไปทัศนาจรเที่ยวทะเล ด้านชลบุรี ระยอง 4 คืน 5 วัน พี่เดือนได้กำชับกำชาให้สามีดูแลบ้าน ห้ามมิให้ไปเล่นไพ่ เล่นมวย กินเหล้าเมายาต่างหมู่บ้านโดยเด็ดขาด
“อยู่บ้านดูแล ฟีนไฟด้วย หากกลับมาบ้านสอบถามใครๆ ถ้ารู้ว่าผิดคำพูดเจอดีแน่” พี่เดือนพูด
“รับรองไม่ผิดคำพูด แน่นอน ” พี่เข่งพูด ทั้งยืนยันหนักแน่น
“ฉัน จะเอาลูกสาวไปเที่ยวด้วย ”พี่เดือนพูด
คนจัดทัวร์นำเที่ยวครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากชาวบ้านอย่างดี เป็นเพราะคนทางเหนือไม่ค่อยมีโอกาสจะได้ไปเที่ยวทางทะเล เพราะอยู่ห่างไกลเกือบพันกิโลเมตร เมื่อทัวร์ได้ออกเดินทาไปแล้ว พี่เข่งเหมือนกระดี่ได้น้ำเขาเป็นอิสระที่ได้ไปไหนต่อไหนก็ได้
“ไปบ้านลุงมากัน โว้ยเข่ง”นายด้วน เพื่อนสนิทชักชวน
“รอเดี๋ยว ”
ห้านาที คู่ซี้ประจำหมู่บ้านก็ขี่จักรยานซ้อนท้ายกันไปยังบ้านลุงมา ร้านขายสุราแห่งใหม่ของหมู่บ้านที่มีความพร้อมทุกอย่างที่จะอำนวยความสะดวกเหล่าบรรดาขึ้เมา เวลานั้นบ่ายโมงเศษๆ นักพนันขันต่อมวยตู้ นั่งหน้าสลอนบนพื้นเรือน หน้าจอโทรทัศน์สี ที่เจ้าของบ้านเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เช้าแล้วเสียงที่ดังฟังชัด พอที่จะทำให้แฟนมวยไม่หงุดหงิดกับการฟังการ พากษ์มวยของโฆษกประจำเวที
“ลำดับต่อไปเป็นมวยรองคู่เอกระหว่างสิงห์ดำกับเห่าดงในพิกัดน้ำหนัก125 ปอนด์ "โฆษกบนเวทีประกาศ
เมื่อโฆษกประกาศจบแล้ว นักมวยได้ไหว้ครู แฟนมวยที่นั่งชมต่างส่งเสียงต่อรองพนันมวยกันอย่างคึกคัก ระหว่างที่มวยชกกันบนเวที่ ทั้งสองฝ่ายเชียร์และส่งเสียงกันดังลั่น หลังจากมวยคู่สุดท้ายจบลง แฟนมวยหลายคนยังนั่งดื่มเหล้าและคุยกัน
“ลุงมา ซื้อเหล้าถุงนึง ”เด็กสาววัยรุ่น ตะโกนบอกคนขาย
พี่เข่ง ดวดเหล้าจนตาลาย มองเห็นเด็กสาวคราวลูกเหมือนกับคนโตเป็นสาวแล้ว เขาพูดโลมเลียเด็ก เท่านั้นยังไม่พอ ยังเดินสะกดรอยตามไป เด็กอายุ14 ปีที่ไม่ประสีประสาและไม่ได้คิดว่าคนวัยคราวพ่อจะมาทำมิดีมิร้ายเธอ
“น้องๆหยุดก่อน เดี๋ยวลุงจะให้ตังค์ซื้อขนม ” พี่เข่งพูด
ลาวรรณ เด็กสาวหยุดชะงัก พลางหันมา ไม่ทันไรพี่เข่งก็จู๋โจมเข้ากอดเธอ เขาโอบกอดจนเด็กผู้หญิงล้มลง เธอต้องร้องด้วยความตกใจ
“ช่วยด้วยๆ ลุงเข่งปล้ำหนู” ลาวรรณ ตะโกนขอความช่วยเหลือ
โชคดีที่เวลานั้น มีคนสัญจรไปมา นายเข่งจึงระงับการกระทำ พร้อมกับหันหลังกลับแลัวเดินไปยังบ้านลุงมา สิบนาทีต่อมา แม่ของลาวรรณ พร้อมผู้ใหญ่บ้าน ก็เรียกคู่ความให้ไปคุยกันที่บ้านของผู้ใหญ่ เพื่อสืบสาวราวเรื่องที่เกิดขึ้น และในที่สุดทั้งคู่ก็ยอมความกัน
“เข่ง ปล้ำเด็กจริงหรือไม่ ”ผู้ใหญ่สอบถาม
“ยอมรับครับ ว่าผมทำจริง”
“ทำไมลาวรรณ ก็อายุรุ่นเดียวกับลูกสาวของแก จึงทำอย่างนั้น”
“เมาครับ เด็กมันยั่ว”
“เมียไม่อยู่ คงหื่นและกลัดมันไม่ว่า”แม่ของลาวรรณพูด
“ตกลงจะว่าไง ทางฝ่ายผู้เสียหาย เขาร้องเรียกค่าทำขวัญ 2000 บาท” ผู้ใหญ่บ้านพูด
“ผมมีแค่สองร้อย รอเมีย ผมกลับมาก่อนค่อยจ่ายได้เปล่า" นายเข่งพูด
ทุกอย่างตกลงกันด้วยเงินค่าทำขวัญสองพัยบาท ไม่มีการลดหย่อน เรื่องจบกันด้วยดี นี่หากเรื่องไปถึงสถานีตำรวจนายเข่งอาจต้องถูกดำเนินคดีฐานอนาจารซึ่งผู้กระทำความผิดอาจติดคุกถึง10 ปี
**************************
หลังจากพี่เดือนกับลูกสาวกลับมาถึงบ้าน ทางฝ่ายพ่อกับแม่พี่เดือนก็ได้เล่าเรื่องราวที่นายเข่งได้ก่อเรื่องขึ้น
“ทำไปได้ไง อับอายเขาไปทั่วหมู่บ้าน อายุครารุ่นพ่อยังทำกับเด็กรุ่นลูก”พี่เดือนเอ็ดตะโรสามี
พี่เข่งนิ่ง รู้ตัวว่าได้กระทำผิดพลาดไปแล้ว
“จากนี้… ไสหัวออกจากบ้านฉันไป ตัดขาด จากการเป็นผัวเมียกันอย่างถาวร”
“ฉันผิดไปแล้ว ขอโทษ ”
“ไม่รับคำขอโทษ พรุ่งนี้ขนข้าวของกลับไปอยู่บ้านแกเลย”
พี่เดือนพูดจริงทำจริง นายเข่ง จึงต้องขนของออกจากบ้านซึ่งทรัพย์สมบัติเขามีเพียงเสื้อผ้าและอุปกรณ์ทำมาหากิน ด้านช่างอาทิ ฆ้อน ขวาน มีด เลื่อย สิบกว่าปีที่อยู่กินกันด้วยความรัก ผิดพลาดครั้งนี้เพียงครั้งเดียว
โทษทัณฑ์รุนแรงยิ่งกว่าศาลสั่งให้ประหารชีวิตจำเลยเสียอีก
จากวันนั้นเป็นต้นมา พี่เข่งจึงครองสถานะความเป็นโสดมาตลอด ชีวิตของเขาดูแล้วน่าสงสาร ผมเจอเขาบ้างบางโอกาส ชีวิตของคนเผาถ่าน ที่ไว้ใช้เลี้ยงชีพตนเอง ส่วนพี่เดือนนางฟ้า ก็ยังครองตนโสดเช่นกันทั้งคู่แม้จะเจอกัน แต่ก็เหมือนคนไม่รู้จัก
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๓๑-๗ -๖๗)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น